วันนี้เราจะมาพูดถึงแฟนคลับบ้าง ถ้าเป็นสมาชิกภายในวง ไอดอลเมืองไทย ก็จะมีการคัดเลือก จากแฟนคลับ ในฝั่งของแฟนคลับเองก็มีการแบ่งประเภท (เอาเอง) ด้วยเช่นกัน ซึ่ง จำมีคำที่ใช้เรียกแฟนคลับฝั่งไอดอลกรุ๊ปญี่ปุ่น อย่างย่อว่า “โอตะ” มาจาก “โอตาคุ” หมายถึงบุคคลที่มีความสนใจ หรือมีความหมกมุ่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ โดยมีหลักฐานการถูกนำมาใช้ในช่วงแรกๆ กับผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องการ์ตูน อะนิเมชั่น เกมส์ และกลุ่มดาราศิลปินต่างๆ
ซึ่งกลุ่มแฟนคลับที่เราจะพบเจอได้หลายประเภท
แฟนคลับสายสนับสนุน
ก็คือ เป็นแฟนคลับสายที่พร้อมจะสนับสนุนน้องๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรประเภทไหน ตัวอย่างเช่น การถ่ายรูปโพลาลอยด์ ( เชกิ ) ก็อาจจะแค่ใบเดียว หรือใครที่พร้อมสนับสนุนมากหน่อยอาจจะ 5 ใบ 10 ใบ หรือมากกว่านั้น ต่อคน ต่องาน ซึ่งค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของราคาบัตรถ่ายรูปเชกิก็คือ 250-300 บาท รวมถึงสินค้ารูปแบบ อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายรุปกลุ่ม เสื้อ รูปโฟโต้เซ็ต ผ้าเชียร์ แท่งไฟ เข็มกลัด ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะมีชื่อเรียกของแฟนคลับที่แตกต่างกันไปยกตัวอย่างเช่น Baby A หรือ เพนกวิ้น ขึ้นอยู่กับกลุ่มแฟนคลับจะตั้งขึ้นมา

การเป็นสายสนับสนุน หลักๆคือตัววงของศิลปินเอง จะนำรายได้เหล่านั้นไปพัฒนาวงต่อไม่ว่าจะเป็น การแต่งเพลง ค่าชุด ส่วนเมมเเบอร์เองก็จะได้ส่วนแบ่งจากยอดขาย ส่วนแฟนคลับจะมีโอกาสที่เมมเบอร์จะจำได้ เพราะการสนับสนุนสิ่งหนึ่งที่ได้รับโดยตรงเลย คือการที่ได้คุยกับเมมเบอร์ตามระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปแล้ว หากแฟนคลับต้องการคุยกับเมมเบอร์วนั้น จำเป็นต้องซื้อบัตรสำหรับถ่ายรูปเสียก่อน ถึงจะได้พูดคุยกับเมมเบอร์ สำหรับ BNK48 จะเป็นกิจกรรมที่เรียกว่า “บัตรจับมือ” ซึ่ง สามารถจับมือและพูดคุยได้อยู่ที่ 8 วินาทีต่อครั้ง ต่อคน ส่วนไอดอลกรุ๊ปวงอื่นๆ อยู่ที่ประมาณ 8-30 วินาที่ ซึ่งถ้าหมดเวลาแล้วก็ต้อง ซื้อบัตรและต่อแถวเพื่อเข้าเลนไปพูดคุยใหม่ บางวงสามารถรวมบัตร เพื่อพูดคุยได้นานขึ้นได้ตามจำนวนบัตรที่รวมได้
แฟนคลับสายตากล้อง
เป็นแฟนคลับอีกกลุ่มหนึ่งที่ จะเพียบพร้อมไปด้วย อุปกรณ์สำหรับการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็น กล้อง ขาตั้งกล้อง เลนส์ การพบเจอแฟนคลับสายตากล้องก็จะสามารถพบเจอได้หลายจุด ส่วนใหญ่จะพบเจอในจุดที่มีเมมเบอร์ของ วงนั้นๆ ประจำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าบูท หรือ หน้าเวที ซึ่งอยู่ที่ตากล้องด้วยว่า ตากล้องคนนั้นเ็นแฟนคลับเมมเบอร์ วงไหนคนไหนอยู่บ้าง

การเป็นแฟนคลับสายตากล้อง คือการถ่ายรูปเมมเบอร์ เพื่อส่งให้เมมเบอร์ ถ้ามีโอกาสเข้าไปพูดคุย ไปแนะนำตัว เมมเบอร์ก็มีโอกาสที่จะจำได้ แต่ก็มีบ้างสำหรับตากล้องที่ถ่ายรูปเมมเบอร์ที่ตัวเองไม่ได้เป็นแฟนคลับ สุดท้ายก็ไม่ได้ส่งรูปให้เมมเบอร์ เพราะตากล้องส่วนใหญ่ไม่ได้ถ่ายคนที่ตัวเองเป็นแฟนคลับแค่คนเดียว แต่ถ่ายทั้งงาน เจอเมมเบอร์วงไหนก็ถ่ายมาหมด และถ่ายมาหลายๆภาพ เพราะกันภาพเสีย กระบวนการหลังจากงานจบ ก็คือ คัดภาพ แต่งภาพ ใส่ลายน้ำ ส่งให้เมมเบอร์ อาจจะเป็นการแท๊กทางโซเชียวมีเดีย หรือ ส่งให้ผ่านทางออฟฟิตเชียว พอเอาเข้าจริงแล้ว ตากล้องอาจจะทำเฉพาะเมมเบอร์ที่ตัวเองเป็นแฟนคลับอยู่ก่อน ส่วนเมมเบอร์ที่ถ่ายมาแต่ไม่ได้เป็นแฟนคลับก็อาจจะเ็บไว้ก่อน เมื่อมีเวลาว่างจึงค่อยทำรูปส่งให้
ปัจจุบันแต่ละวง ไอดอลกรุ๊ปไทย มีกฎเกณฑ์ในการส่งรูปให้กับเมมเบอร์ของแต่ละวง ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละวง เช่น ต้องส่งให้อฟฟิตเชียวเท่านั้น รูปที่ส่งห้ามมีลายน้ำ เมมเบอร์จึงจะสามารถนำไปใช้ต่อได้ เพื่อลดความไม่เท่าเทียม ของแฟนคลับ ที่ก่อนหน้านี้อาจจะดูไม่เท่าเทียมกัน อันเนื่องมาจาก เมมเบอร์ แชร์หรือลงรูป จากแฟนคลับกลุ่มเดิมคนเดิมบ่อยเกินไป ( อาจจะเป็นไปได้ว่าไม่มีแฟนคลับกลุ่มอื่นที่ถ่ายเมมเบอร์คนนั้นๆ )
แฟนคลับสายแคมป์
คิดว่าน่าจะเป็นศัพท์แสลงที่มาจากการ แคมป์ปิ้ง หรือ การปักหลักรอ เป็นแฟนคลับสายขยันจะที่จะไปรอก่อน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ หรือ การชมการแสดงหน้าเวทีก็ตาม ซึ่งก็จะพบเจอแฟนคลับ เหล่านี้ได้ก่อนเวลาที่งานจะเริ่ม ตั้งแต่ 10-20 นาที จนถึงหลายๆ ชม.

เพื่อให้ได้ซื้อของก่อน ในกรณีที่สินค้ามีจำนวนจำกัด หรือ เพื่อให้ได้ที่นั่งข้างหน้าเวที เพื่อได้เห็นเมมเบอร์ชัดๆ สำหรับสายตากล้อง ก็เพื่อได้ถ่ายรูปเมมเบอร์ได้ง่ายๆ สวนสายเชียร์อยู่ข้างหน้าเพื่อให้ เมมเบอร์ที่ตัวเองชอบได้เห็น ว่ามีคนส่งกำลังใจให้
แฟนคลับสายฟรี
แฟนคลับกลุ่มที่ ไม่ค่อยสนับสนุน ไม่ว่าศิลปิน ไม่ว่าวงใดๆ แต่จะใช้โอกาสไม่ว่าจะเป็น การเข้าชมงานฟรี หรือ รับของแจกฟรี พูดคุยกับเมมเบอร์ฟรี ถ่ายรูปฟรี หรือ ให้เมมเบอร์ทำอะไร บางอย่างให้ แต่จะไม่สนับสนุนสินค้าต่าง จากออฟฟิตเชียว ซึ่งแฟนคลับสายนี้ก็จะหาโอกาสพูดคุยกับเมมเบอร์เพื่อให้เมมเบอร์รู้จักหรือจำได้
แฟนคลับสายพ่อค้า
เป็นแฟนคลับที่ต้องอาศัยดวงพอสมควร เนื่องจาก สินค้าของ ไอดอลกรุ๊ปจะออกสินค้ามา ซึ่งสิ้นค้าก็จะมีความหายากของสินค้า ซึ่งก็จะมีระดับ หายาก ( SR ) จะเป็นสิน้คาที่มีลายเซ็นต์ของเมมเบอร์บนตัวสินค้า และหายากมาก ( SSR ) เป็นสินค้าที่จะมีลายเซ็นต์พร้อมข้อความจากเมมเบอร์ ซึ่งมูลค่าของสินค้าก็จะมีมูลค่าที่สูงขึ้น เนื่องจาก สินค้าที่มีลายเซ็ตมีจำนวนน้อย ยกตัวอย่างเช่น Photo Set ที่โดยปรกติแล้ว ราคาจะอยู่ที่ 40-50 บาทต่อใบ แต่ถ้ารูปครบเซ็ต หรือเรียกว่า “คอมพ์” ( คาดว่ามาจากคำว่า คอมพรีท ) ราคาก็จะอยู่ที่ 170-250 ขึ้นอยู่กับความนิยมของเมมเบอร์คนนั้นๆ ซึ่งมูลค่าของ SR โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 500 บาทขึ้นไป ส่วน SSR อาจจะเริ่มที่ 2000-3000 บาท ซึ่งแฟนคลับสายพ่อค้าเมื่อได้สินค้าเหล่านี้มา หรือสินค้านอกเหนือจากนี้ที่เป็นสินค้าหายาก ก็จะนำมาปล่อยขายต่อในตลาด ด้วยมูลค่าที่สูงขึ้นนั่นเอง

โดยสรุปแล้ว
จริงๆ แล้วเรายังสามารถจำแนกประเภทของแฟนคลับออกไปได้อีก ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ว่าจะแยกแฟนคลับที่ตัวเองเจออย่างไร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับสายไหนก็ตาม ต่างก็ช่วยให้กำลังใจเมมเบอร์ สนับสนุนวงเช่นเดี่ยวกัน ดังนั้นแล้วก็อยากให้ทุกคน เข้าอกเข้าใจกัน ซึ่งถ้านำแฟนคลับที่ยกตัวอย่างแล้วลองดูอีกมุม แฟนคลับสายสนับสนุน ซึ่งสามารถแบ่งเงินมาเพื่อสนับสนุนวงและเมมเบอร์ เพราะฉะนั้นแล้ว การคุยกับเมมเบอร์ก็เป็นสิทธิ์ที่เขาควรได้รับ แฟนคลับสายตากล้องก็ตั้งใจที่จะเก็บภาพสวยๆ เวลาน้องๆ ออกงานไว้ให้กับเมมเบอร์ที่ตากล้องคนนั้นๆชื่นชอบ แฟนคลับสายแคมป์ ก็เป็นสิทธิ์ที่มาก่อนได้ก่อน หรือว่าได้อยู่หน้า แต่ก็ต้องแบ่งปันให้แฟนคลับคนอื่นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเป็นแฟนคลับสายไหนก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นงานไหน เราก็จะเจอแฟนคลับที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
http://news.ch3thailand.com/lifestyle/75478
https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/bnk48/ngan-cab-mux-1/xo-ta
https://www.istrong.co/single-post/otaku